รัสเซีย

Country Profile : Russia

 

การศึกษา

 

            รัสเซียในระบบสังคมนิยมเป็นประเทศที่มีจุดแข็งด้านการบริการการศึกษาในแบบมวลชนและเข้าถึงรากหญ้าของประชากร โดยรัสเซียได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่มีอัตราผู้รู้หนังสือสูงที่สุดในโลก คือมากกว่าร้อยละ 99  รัฐบาลรัสเซียให้บริการด้านการศึกษาแก่ประชาชนแบบให้เปล่า ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับอุดมศึกษา แม้ในปัจจุบันนี้ ซึ่งได้มีการปฏิรูประบบการศึกษาโดยใช้รูปแบบการบริการแบบประเทศยุโรปตะวันตกและสหรัฐอเมริกา แต่ก็ยังคงระบบการศึกษาแบบสวัสดิการสังคมไว้ โดยยังคงให้บริการการศึกษาแบบให้เปล่าตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมัธยม และระดับฝึกอาชีพสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อย และประชาชนทุพพลภาพ ส่วนในระดับอุดมศึกษาขึ้นไป รัฐบาลดำเนินนโยบายเสรีด้านการศึกษา โดยยกเลิกระบบสวัสดิการแบบให้เปล่าและให้สถาบันอุดมศึกษาบริหารกันเองตามหลักอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งทำให้สถาบันการศึกษามีการแข่งขันกันมากขึ้นเพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนการสอน และส่งผลให้การศึกษาในสาขาที่เป็นจุดแข็งของรัสเซียโดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีอวกาศ โลหะศาสตร์ เคมีภัณฑ์ ศิปศาสตร์ ฯลฯ  มีคุณภาพทัดเทียมกับสถาบันการศึกษาในสหรัฐฯ และยุโรปตะวันตก

สถาบันการศึกษาในรัสเซีย   แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้

            1. สถาบันการศึกษาขั้นสูง (Higher Educational Institutions) ได้แก่  มหาวิทยาลัย (Universitet /University) ,  สถาบันเฉพาะทางขั้นสูง (Academia /Academy), สถาบันทางเทคนิค (Institut /Institute), มหาวิทยาลัยด้านเทคโนโลยี (Technicheskiy Universitet /Technical University), และ สถาบันดุริยางค์ศิลป์และนาฏศิลป์ (Konservatoria /Conservatory)

            2. สถาบันการศึกษาขั้นกลาง ได้แก่ วิทยาลัย (Kolledz /College), วิทยาลัยอาชีวะ (Tekhnikum /Technical College), วิทยาลัยอาชีพเฉพาะทาง (Uchilische /Specialized Institution)

            3. สถาบันการศึกษาขั้นต้น ได้แก่ โรงเรียน (School), โรงเรียนมัธยม ( Senior Secondary School)

ประกาศนียบัตรและปริญญา

  1. ประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนต้น ( Secondary Incomplete General  Education)

  2. ประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย (Secondary Complete General Education)

  3. ประกาศนียบัตรวิชาชีพระดับกลาง  (Diplom o Srednem Professionalnom Obrazovanii   หรือ Higher Vocational Education Diploma)

  4. ประกาศนีบัตรการศึกษาขั้นสูง (Diplom o Nepolnom Visshem Obrazovanii หรือ  Incomplete Higher Education Diploma) 

  5. ปริญญาตรี (Bakalavr หรือ Bachelor’s degree)

  6. ปริญญาตรีชั้นสูง  (Specialist's Diploma) เป็นปริญญาในระบบการศึกษาสมัยโซเวียต

  7. ปริญญาโท  (Magistr หรือ Master’s degree)

  8. ผู้รอเสนอชื่อเข้ารับปริญญาเอก (Kandidat Nauk หรือ Doctorate candidate)          

  9. ริญญาเอก (Doktor Nauk หรือ Doctorate)

 

โครงสร้างระบบการศึกษาของรัสเซีย

            1. การศึกษาขั้นพื้นฐาน (Pre-higher education) เป็นการศึกษาภาคบังคับขั้นต้นที่รัฐจัดให้กับเด็กนักเรียนรัสเซียในโรงเรียนประเภท basic school  โดยเด็กชาวรัสเซียจะเข้ารับการศึกษาระดับนี้ตั้งแต่อายุ 6 หรื 7 ปี  และสิ้นสุดที่อายุ 15 ปี รวมระยะเวลาที่ศึกษา 9 ปี (grade 1-9)

            2. การศึกษาระดับมัธยม (Complete Secondary) เด็กชาวรัสเซียที่สำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมในโรงเรียนประเภท Senior Secondary School  โดยใช้เวลาเรียน 2 ปี (grade 10-11)  และเมื่อสำเร็จการศึกษาในขั้นนี้จะได้รับประกาศนีบัตรประเภท “Certificate of Secondary Complete General Education” 

            * * * ตามกฎหมายของรัสเซีย รัฐบาลรัสเซียจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการศึกษาภาคบังคับ (grade1-11) สำหรับเด็กรัสเซียทุกคนที่ศึกษาในโรงเรียนของรัฐ (public school) * * * 

            3. การศึกษาระดับวิชาชีพ (Professional) เด็กชาวรัสเซียที่อายุ 15 ปีขึ้นไปซึ่งสำเร็จการศึกษาขึ้นพื้นฐานแล้วและประสงค์ที่จะเลือกศึกษาด้านวิชาชีพเฉพาะทาง เช่น พยาบาล ทหาร  ช่างยนต์  ช่างก่อสร้าง  ฯลฯ   ในสถาบันประเภท Tekhnikum หรือ College โดยใช้เวลาการศึกษา 4 ปี ระหว่างอายุ 15-19 ปี นักเรียนที่จบการศึกษาขั้นนี้แล้ว สามารถเลือกที่จะทำงานเพื่อหาประสบการณ์ก่อนเข้าศึกษาต่อในระดับสูงต่อไป   หรือสามารถเข้าศึกษาเฉพาะทางในมหาวิทยาลัยได้  ทั้งนี้ นักเรียนที่จบการศึกษาระดับนี้และไม่ได้ศึกษาต่อไป จะทำงานในฐานะแรงงานฝีมือ(skilledworker)ในตลาดแรงงาน

            4. การศึกษาระดับสูง (Higher Education) นักเรียนชาวรัสเซียที่จบการศึกษาระดับมัธยม หรือระดับวิชาชีพ (ข้อ 2.และ 3. ) สามารถสมัครเข้าเรียนต่อในสถาบันการศึกษาระดับสูงของรัฐหรือเอกชน นักเรียนที่มีผลการศึกษาดีอาจสามารถเข้าศึกษาต่อในสถาบันที่มีชื่อเสียงได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายโดยการแสดงใบประกาศนียบัตรรับรองผลการเรียนต่อสถาบันฯ  อย่างไรก็ดี ในสถาบันการศึกษาฯ ทั่วไปจะมีการจำกัดทีนั่ง (quota) ที่จัดสรรให้นักเรียนในกลุ่มต่างๆ ซึ่งนักเรียนทั่วไปที่มีผลการเรียนปานกลาง หรือนักเรียนชาวต่างประเทศ ที่ประสงค์จะเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาระดับสูงของรัสเซีย อาจต้องเข้าสอบ (entrance exam) และเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าศึกษาต่อด้วย   

            ระยะเวลาในการศึกษาในสถาบันการศึกษาระดับสูง

            -  ปริญญาตรี    ใช้เวลาทั้งสิ้น  4-5  ปี  (ขึ้นกับแต่ละหลักสูตร สำหรับนักศึกษาแพทย์ใช้เวลา 6 ปี) แต่หากนักศึกษาเข้าเรียนได้ประมาณ 2-3 ปี แต่ไม่สำเร็จการศึกษา ก็จะได้รับประกาศนีบัตรการศึกษาขั้นสูง (Incomplete Higher Education Diploma) ด้วย

            - ปริญญาตรีขั้นสูง (Specialist’s Diploma) ใช้เวลา 1 ปี

            - ปริญญาโท  ใช้เวลาทั้งสิ้น 2 ปี

            - ปริญญาเอก ใช้เวลาทั้งสิ้น 3 ปี

            * * * โรงเรียนและสถาบันการศึกษาเกือบทั้งหมดของรัสเซีย สอนเป็นภาษารัสเซีย * * *

 

 

     
 

รู้รอบรัสเซีย  :   ปีการศึกษาของรัสเซีย

ปีการศึกษาของรัสเซียเริ่มจากเดือนกันยายน-มิถุนายน และช่วงปิดภาคเรียนใหญ่อยู่ระหว่าง 1 กรกฎาคม-31 สิงหาคม ของทุกปี  ในระหว่างปีการศึกษาแบ่งเป็น 2 ภาคการศึกษา (2 semesters) ภาคแรก เริ่มตั้งแต่ 1 ก.ย.- 30 ธ.ค.  ภาคที่สอง เริ่ม 10 ม.ค.-30 มิ.ย.

 
     
 
 

การเดินทางไปรัสเซีย

 

            ไทยและรัสเซียได้ลงนามความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการระหว่างกันเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 2002 ทำให้ผู้ถือหนังสือเดินทางทูตฯ สามารถเดินทางเข้ารัสเซียโดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตราได้เป็นเวลาไม่เกิน 90 วัน เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2005 ไทยและรัสเซียได้ลงนามความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางธรรมดาระหว่างกัน  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายภายในของทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลบังคับใช้  โดยเมื่อแล้วเสร็จ จะทำให้คนไทยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตราเพื่อเดินทางเข้ารัสเซีย โดยสามารถพำนักอยู่ในรัสเซียไม่เกิน 30 วัน อย่างไรก็ดี ในระหว่างนี้คนไทยผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดายังคงต้องขอรับการตรวจลงตราเพื่อเดินทางมารัสเซียอยู่

ระเบียบการตรวจลงตรา (ขอวีซ่า) :

            โดยปัจจุบันมีวีซ่า 5 ประเภทในการขอเข้าประเทศรัสเซีย  ได้แก่ ประเภทธรรมดา (ordinary) ประเภทราชการ (official)  ประเภทเดินทางผ่านประเทศ (transit) ประเภทผู้ถือหนังสือเดินทางทูต (diplomatic)และประเภทสำหรับผู้มาพำนักชั่วคราว (temporary residence)

            วีซ่าประเภทธรรมดา ยังสามารถแบ่งได้เป็นวีซ่านักธุรกิจ (business) วีซ่านักท่องเที่ยว(tourist) วีซ่าทำงาน (work) วีซ่านักเรียน (student) และวีซ่าที่ออกให้ด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรม(humanitarian)

            วีซ่าท่องเที่ยว

            แผนกงานกงสุลของสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียออกวีซ่าให้นักท่องเที่ยว ต่อเมื่อเดินทางไปโดยมี voucher ที่ออกให้โดยบริษัทท่องเที่ยวไทยหรือเดินทางไปกับบริษัทท่องเที่ยวไทยซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทท่องเที่ยวรัสเซียที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องกับกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย  ระยะเวลาที่สามารถพำนักอยู่ในรัสเซียเท่ากับเวลาตามกำหนดการที่บริษัทท่องเที่ยวจัดไว้

            วีซ่าธุรกิจ

            กรณีของนักธุรกิจที่ต้องการวีซ่าธุรกิจในการเข้าประเทศรัสเซีย  จะต้องมีหนังสือเชิญจากบริษัทธุรกิจของรัสเซียที่ติดต่อด้วยและต้องเป็นหนังสือเชิญที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (OVIR)ของกระทรวงมหาดไทยรัสเซียแล้ว   วีซ่านักธุรกิจมีระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน สามารถขอได้ทั้ง single-entry  หรือ double-entry visa  บางกรณีอาจขอ multiple-entry visa ได้และสามารถเข้าและออกประเทศรัสเซียได้หลายครั้งในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน

            วีซ่าทำงาน

            วีซ่าทำงานจะออกให้เมื่อบุคคลได้รับใบอนุญาตทำงาน (work permit) แล้ว เช่นเดียวกับวีซ่านักเรียนซึ่งต้องได้รับหนังสือตอบรับจากสถานศึกษาก่อน ยกเว้น นักเรียนทุนของรัฐบาลรัสเซีย

การลงทะเบียนผู้เดินทางเข้าประเทศรัสเซีย

            เมื่อเดินทางเข้าประเทศรัสเซียแล้ว  จะต้องนำวีซ่าไปจดทะเบียน (registration) ที่ OVIR กระทรวงมหาดไทยภายใน 3 วันนับตั้งแต่ที่เข้าประเทศ    ยกเว้นผู้ที่พำนักในรัสเซียไม่เกิน 3 วันและผู้ที่มีอายุไม่เกิน 18 ปี

            การจดทะเบียนวีซ่าสามารถทำได้ที่โรงแรมที่พำนัก โดยให้มอบหนังสือเดินทางไว้กับ reception ของโรงแรมเมื่อ check in โรงแรมจะดำเนินการจดทะเบียนให้โดยใช้เวลาภายใน 24 ชั่วโมง

            ในกรณีที่เดินทางมาโดยหนังสือเชิญของบริษัทธุรกิจ บริษัทดังกล่าวจะเป็นผู้จดทะเบียนให้  ในกรณีมาเป็นแขกรับเชิญส่วนตัวและพำนักที่บ้านหรืออพาร์ทเมนต์ของผู้เชิญ  ผู้เชิญต้องดำเนินการจดทะเบียนเองที่ OVIR

การเดินทางเข้ารัสเซีย :

            หากจะเดินทางจากประเทศไทยเข้ารัสเซีย  มีจุดเดินทางเข้าประเทศหรือที่เรียกว่า Port of Entry  3 แห่ง ได้แก่  กรุงมอสโก (Moscow) นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (St. Petersburg) และเมืองวลาดิวอสต๊อก (Vladivostok)  ผู้เดินทางอาจเลือกใช้บริการสายการบินไปยังจุดเข้าประเทศต่างๆ ได้โดยขึ้นอยู่กับจุดหมายปลายทางเป็นสำคัญ  กล่าวคือ หากมีธุระกับรัสเซียที่ด้านยุโรป ให้เข้าประเทศทางกรุงมอสโกหรือนครเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก  โดยอาจเลือกใช้เส้นทางกรุงเทพ-กรุงมอสโก ซึ่งมีบริการของสายการบินไทยสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน  สายการบินทรานส์แอโร สัปดาห์ละ 6 เที่ยวบิน และสายการบินแอโรฟลอตสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบินเพื่อเดินทางเข้ากรุงมอสโกโดยตรง  หรือใช้บริการของบริษัทการบินไทย (มหาชน)หรือสายการบินอื่นๆ ที่บินเข้าประเทศในยุโรป เช่น นครแฟรงค์เฟิรต นครมิวนิคหรือกรุงโคเปนเฮเกนและใช้บริการของสายการบินลุฟต์ฮันซ่า(Lufthansa) ของประเทศเยอรมนีสำหรับเส้นทาง แฟรงค์เฟิร์ต-มอสโก  หรือ SAS(Scandinavian Airlines) สำหรับเส้นทางโคเปนเฮเกน-มอสโก  

            นอกจากนี้ สามารถใช้บริการของสายการบินแอร์เอมิเรตส์   สายการบินแอร์เติร์กเมนิสถาน และ สายการบินแอโรสวิต   เข้ากรุงมอสโกได้ โดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองดูไบ(ยู เอ อี)  กรุงอัชกาบัด (ประเทศเติร์กเมนิสถาน) และกรุงคีฟ (ประเทศยูเครน) ตามลำดับ

            สำหรับท่านที่จะเดินทางเข้านครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กโดยไม่แวะเข้ากรุงมอสโก อาจเลือกใช้บริการของสายการบินฟินแอร์ (Finnish Airlines) เส้นทางกรุงเทพฯ-กรุงเฮลซิงกิ (Helsinki) ของประเทศฟินแลนด์และต่อเครื่องเข้านครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

            สำหรับท่านที่มีธุระทางด้านเอเชียของรัสเซีย  โดยเริ่มตั้งแต่เมืองโนโวซีบีร์สค์ (Novosibirsk) เมืองคราสโนยารสค์ (Krasnoyarsk)  เมืองอีร์คุตสค์ (Irkutsk) นครอูลัน-อูเด(Ulan Ude)ของสาธารณรัฐบูเรียเตีย(Buryatia)  เมืองคาบารอฟสค์ (Khabarovsk)  เมืองนาค๊อดก้า (Nakhodka) เมืองวลาดิวอสต๊อก (Vladivostok) จนถึงเมืองยูชน่า สะขะลิน (Yuzhno Sakhalin) ที่เกาะสะขะลิน  ท่านไม่จำเป็นต้องบินเข้ากรุงมอสโกก่อนเพื่อต่อเครื่อง เพราะเป็นเส้นทางที่อ้อม ระยะทางไกลและเสียเวลา  ท่านสามารถบินจากกรุงเทพฯ เข้าประเทศรัสเซียที่เมืองวลาดิวอสต๊อกได้เลย และต่อเครื่องบินของสายการบินภายในไปยังจุดหมายปลายทางที่ท่านต้องการได้โดยไม่เสียเวลา  การเดินทางไปยังเมืองวลาดิวอสต๊อก สามารถใช้บริการของบริษัทการบินไทยเพื่อเดินทางไปยังกรุงโซล(Seoul) ของเกาหลีก่อน แล้วจึงต่อเครื่องของสายการบินแอร์วลาดิวอสต๊อก(Air Vladivostok)  เข้าเมือง วลาดิวอสต๊อกได้โดยไม่เสียเวลาเปลี่ยนเครื่อง เนื่องจากบริษัทการบินไทยทำข้อตกลง code sharing กับสายการบินแอร์วลาดิวอสต๊อกไว้แล้ว

             สำหรับท่านที่จะเดินทางไปยังประเทศที่เคยเป็นอดีตสาธารณรัฐของสหภาพโซเวียตในอดีต  เช่น กรุงเคียฟ (Kiev) ของประเทศยูเครน  กรุงทาชเคนต์ (Tashkent) ของประเทศอุซเบกิสถาน  และนครอัลมาตี(Almaty) ของประเทศคาซัคสถาน  ท่านสามารถขอรับการตรวจลงตราได้ที่แผนกกงสุลของสถานเอกอัครราชทูตของประเทศดังกล่าวที่กรุงเทพฯได้ เมื่อได้รับวีซ่าเข้าประเทศเรียบร้อยแล้ว  ท่านสามารถบินตรงจากกรุงเทพฯ เข้าไปยังเมืองดังกล่าว  เนื่องจากปัจจุบันนี้ มีสายการบินแห่งชาติของประเทศดังกล่าวให้บริการบินโดยตรงแล้ว  เช่น สายการบิน Uzbek Airline บริการเที่ยวบินกรุงเทพ-ทาชเคนท์ สัปดาห์ละ 3 เที่ยวด้วยเครื่องโบอิ้งและแอร์บัส  สายการบิน Air Kazakh เข้านครอัลมาตีแต่บินเฉพาะฤดูหนาว  และสายการบิน  Aerosvit บริการด้วยเครื่องแอร์บัสเพื่อบินจากกรุงเทพฯ เข้ากรุงเคียฟสัปดาห์ละ 1 เที่ยว

พิธีตรวจคนเข้าเมืองและด่านศุลกากร :

             สำหรับผู้เดินทางและนักธุรกิจไทยที่เข้าประเทศรัสเซียที่กรุงมอสโก  เครื่องบินของบริษัทการบินไทย สายการบินทรานส์แอโร  สายการบินแอร์อิมิเรตส์ และสายการบินแอร์เติร์กเมนิสถาน จะเข้าประเทศที่สนามบินดามาเดี๊ยดดาวา (Domodedovo)  ส่วนสายการบินแอโรฟล็อต  สายการบินลุฟต์ฮันซ่า และสายการบินสแกนดิเนเวียน จากทางยุโรปจะเข้าที่สนามบินเชเรมีเทียว่า หมายเลข 2 (Sheremetyevo II)

             ผู้โดยสารจะต้องกรอก

             (1) แบบฟอร์มการเข้าประเทศ (Migration Card) แนบกับหนังสือเดินทางเพื่อการตรวจที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองในสนามบิน   แบบฟอร์มการเข้าประเทศเป็นสลิป 2 ใบ   ใบแรกจะต้องมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า  และมอบใบที่สองเวลาออกประเทศ 

             (2) แบบฟอร์มสำแดงรายการสิ่งของ(Declaration) เข้าประเทศซึ่งผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจะต้องกรอกรายละเอียดของสิ่งของที่นำติดตัวเข้ามา (โดยมูลค่าสิ่งของต้องไม่เกิน 1000 ดอลลาร์สหรัฐ)  ดังนี้  - สิ่งของที่มิได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อการค้า – เหล้าและเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ มีปริมาตรไม่เกิน 2 ลิตร  -  บุหรี่ ไม่เกิน 400 มวน  - กล้องถ่ายภาพยนต์  กล้องวีดีโอ  ต้องมีคุณสมบัติการใช้งานเพื่อตอบสนองความต้องการส่วนตัว มิใช่อุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติเพื่อการดำเนินธุรกิจ หรือการถ่ายทำภาพยนตร์เชิงธุรกิจ โดยฝ่ายศุลกากรจะใช้ดุลพินิจจากจำนวนฟิล์มและอุปกรณ์เสริมประกอบ – เงินตราต่างประเทศติดตัวเข้ามาหากมีจำนวนเกิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ  - สิ่งของต้องห้าม : อาวุธ   ยาเสพติดและสารกระตุ้นชนิดต่างๆ อุปกรณ์การพิมพ์ การบันทึกและการถ่ายภาพที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคง

             ปัจจุบัน การจัดการด้านบริการที่สนามบินในกรุงมอสโกและนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นมาก  เช่น การขนถ่ายกระเป๋าจากเครื่องบินมายังสายพานใช้เวลาเร็วขึ้น  มีรถเข็นขนกระเป๋าจากสายพานไว้บริการโดยไม่คิดค่าบริการ แต่ยังมีจำนวนจำกัดและไม่มีที่จอดเป็นกิจลักษณะ มีแผนก Lost and found  และมีช่องเขียวสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศที่มีสิ่งของเพื่อการใช้ชีวิตตามปกติ สามารถผ่านพิธีการศุลกากรได้ไม่ต้องสำแดงและไม่ต้องผ่านการตรวจค้น  อย่างไรก็ดี เป็นที่สังเกตว่า กระบวนการตรวจคนเข้าเมืองของรัสเซียยังช้าอยู่มาก อาจใช้เวลายืนต่อแถวเพื่อรอการตรวจหนังสือเดินทางเป็นเวลาเฉลี่ยประมาณ 1 ชั่วโมง  และอาจมากกว่า หากมีเครื่องบินลงหลายลำพร้อมกัน

 

 
     
 

รู้รอบรัสเซีย  :   ข้อควรระวังในการเดินทาง

            1. แบบฟอร์มการเข้าเมืองและแบบฟอร์มสำแดงสิ่งของเข้าประเทศ จะต้องเก็บไว้จนกว่าจะเดินทางออกจากประเทศ เพราะจะต้องคืนให้เจ้าหน้าที่รัสเซียที่สนามบิน หากสูญหายไปแล้ว อาจมีความผิดและความยุ่งยากทั้งปวงจะตามมา

            2. เผื่อเวลาการเดินทางมาสนามบิน โดยเฉพาะที่กรุงมอสโกและนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กนื่องจากการจราจรติดขัดมากทั้งในตัวเมืองและเส้นทางมายังสนามบิน  หากท่านที่พักอยู่ใจกลางกรุงมอสโก ซึ่งโดยปกติใช้เวลาเดินทางมาสนามบิน 1 ชั่วโมง-1  ชั่วโมง  30 นาที  ท่านจะต้องเผื่อเวลาเดินทางเป็น 2 เท่า คือ 2 ชั่วโมงถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง  และควรมาถึงสนามบิน 2 ชั่วโมงก่อนเวลาบิน  เนื่องจากท่านจะต้องมาเสียเวลา กับการผ่านพิธีศุลกากรที่เคร่งครัด  การ Check in ที่อาจต้องรอนานหากมีผู้โดยสารมากและปิด check in counter ก่อนเวลาบิน ประมาณ 30 นาที  รวมทั้งการตรวจหนังสือเดินทางที่ไม่เร็วกว่าขาเข้า

            3. กรอกแบบฟอร์มศุลกากรขาออกเตรียมไว้  โดยจำนวนเงินที่สำแดงตอนขาออกจะต้องไม่มากกว่าจำนวนเงินที่สำแดงตอนขาเข้า

            4. ข้อระวังในการนำสิ่งของบางอย่างออกจากรัสเซีย : หากมีสิ่งของประเภทของที่ระลึกที่เป็นของโบราณ (Antique)  ภาพเขียน   ไอคอน (Icon)  เหรียญที่ระลึก  นาฬิกา   ไข่ปลาคาเวียร์  จะต้องขอใบ certificate จากผู้ขายด้วย  มิฉะนั้น  อาจถูกยึดที่สนามบินได้  สำหรับการนำไข่ปลาคาเวียร์ออกนอกรัสเซียจะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 250 กรัมสำหรับไข่ปลาสีดำ  ในกรณีของไข่ปลาสีส้ม (ไข่ปลาแซลมอน) แม้จะไม่มีการจำกัดปริมาณการนำออกนอกประเทศแต่ก็อาจถูกยึดไว้ได้ หากเจ้าหน้าที่ของสนามบินพิจารณาว่ามีจุดประสงค์ทางธุรกิจ วิธีที่ดีที่สุดคือ การซื้อจาก Duty Free Shop ในสนามบินซึ่งเป็นสินค้าเกรดเอ

 
     
 
 
 
 

การเดินทางเข้าเมือง :

            ค่ายานพาหนะจากสนามบินนานาชาติดามาเดี๊ยดดาวา และสนามบินเชเรมีเทียวา  เข้าเมืองจะมีราคาแตกต่างบ้างเล็กน้อยขึ้นอยู่กับการเลือกใช้บริการยานพาหนะ  หากใช้บริการของ Transfer Service Agencies ที่สนามบินซึ่งให้บริการตามสนามบินทุกแห่งจะมีราคาอยู่ที่ 60-80 ดอลลาร์สหรัฐ  แท๊กซี่ที่สนามบิน(ป้ายเหลือง) ราคาต่อรองไม่เกิน 60 ดอลลาร์    นอกจากนี้ นักเดินทางสามารถใช้บริการสั่งจองแท๊กซี่ล่วงได้โดยติดต่อทาง e-mail ที่   และอาจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก website ที่ www.taxi.ru  ราคาค่าบริการไม่เกิน 80 ดอลลาร์  ค่าบริการสำหรับรถรับจ้างเอกชนมีราคาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการต่อรอง แต่ไม่ควรเกิน 50- 70 ดอลลาร์สหรัฐ

            ราคาของบริษัทเช่ารถ 80 ดอลลาร์สหรัฐและรถลิมูซีนของโรงแรมประมาณ 80-100 ดอลลาร์สหรัฐ

            สำหรับที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก  ราคาค่ายานพาหนะเข้าเมืองใกล้เคียงหรือต่ำกว่าเล็กน้อยเทียบกับราคาที่กรุงมอสโก

            ส่วนเมืองใหญ่อื่นๆ ในรัสเซีย อัตราค่าบริการจะต่ำกว่าที่กรุงมอสโกและนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะทางระหว่างสนามบินกับจุดหมายปลายทางเป็นสำคัญ

ที่พักอาศัย :

            ปัจจุบัน โรงแรมและที่พักอาศัยในเมืองใหญ่ของรัสเซียได้รับการปรับปรุงในทางที่ดีขึ้นมาก ทั้งในด้านจำนวนโรงแรมและห้องพัก ความปลอดภัยและระดับการให้บริการ  แต่ก็ยังไม่พอเพียงต่อจำนวนนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจที่เดินทางเข้าประเทศรัสเซียจำนวนมากขึ้นในแต่ละปีได้  จึงส่งผลให้ค่าที่พักของโรงแรมในกรุงมอสโกและนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมีอัตราที่สูงมากอย่างผิดปกติเมื่อเทียบกับโรงแรมระดับเดียวกันในประเทศยุโรปอื่นๆ

            ที่กรุงมอสโก :
            มีโรงแรมประมาณ 170 แห่ง แต่โรงแรมที่สามารถจัดอันดับ (rating) ได้ มีไม่ถึง 20 แห่ง  โรงแรมระดับ 5 ดาว 4 ดาว และ 3 ดาว บางแห่งที่มีนักเดินทางต่างประเทศและคนไทยเคยใช้บริการ  ซึ่งมีความปลอดภัย  มี location ที่ดี

            สำหรับนักเดินทางที่แวะมาต่อเครื่องที่กรุงมอสโกและต้องการพักในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงถึง 1 วัน โดยไม่ประสงค์จะเข้าไปในในเมืองนั้น  สามารถพักได้ที่โรงแรมบริเวณสนามบินในกรุงมอสโก 

            ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก :
            สำหรับที่นครเซนต์ปีเตอร์เบิร์กซึ่งมีค่าครองชีพสูงไม่แพ้กรุงมอสโก  เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป แต่ยังมีโรงแรมและที่พักให้เลือกน้อยกว่าที่กรุงมอสโก  โรงแรมจึงหายากมากในช่วงฤดูร้อนและมีอัตราค่าที่พักสูงกว่าที่กรุงมอสโกและในประเทศอื่นๆ ในมาตรฐานเดียวกัน

            ที่เมืองวลาดิวอสต๊อก :
            โรงแรมที่เมืองวลาดิวอสต๊อกเริ่มมีจำนวนมากขึ้นซึ่งเกิดจากการเปิดเมืองท่าแห่งนี้อย่างเต็มตัว จากที่เคยเป็นเมืองปิดเนื่องจากเป็นที่ตั้งฐานทัพเรือภาคพื้นแปซิฟิกของรัสเซียมาเป็นเมืองท่าพาณิชย์ที่เชื่อมรัสเซียกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสหรัฐอเมริกา  โรงแรมหลายแห่งเป็นการลงทุนร่วมกับทุนต่างประเทศจากเกาหลีและญี่ปุ่น จึงมีมาตรฐานและความสะดวกสบายในระดับหนึ่ง

            สำหรับท่านที่มีธุรกิจในเมืองอื่นๆของรัสเซีย   ปัจจุบันนี้ มีโรงแรมเพิ่มจำนวนมากขึ้นในเมืองใหญ่ต่างๆ แต่ความสะดวกสบายและการบริการยังอยู่ในระดับ 3 ดาวเป็นส่วนใหญ่  อัตราค่าที่พักเฉลี่ยตั้งแต่คืนละ 40 ดอลลาร์สหรัฐและไม่เกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ

อาหาร

            ในปัจจุบันนี้มีร้านอาหารทุกประเภทและทุกสัญชาติของรสชาติเปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก  ทั้งอาหารในทวีปเอเชีย เช่น จีน  ญี่ปุ่น  อินเดีย   มองโกเลีย เลบานอน  เวียดนาม   เกาหลี   จากทวีปยุโรป เช่น ฝรั่งเศส  อิตาเลียน  เตอร์กีช  เยอรมัน และอาหารอเมริกันและเม็กซิกัน  ราคาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง ชื่อเสียงของร้าน และความยากในการหาเครื่องปรุง  เฉลี่ยราคาหัวละ 20-30 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับอาหารกลางวันและ 30 ดอลลารสหรัฐหรือสูงกว่านั้น สำหรับอาหารค่ำ

            ท่านที่ปรารถนาที่จะลองอาหารรัสเซีย  มีร้านอาหารรัสเซียตั้งอยู่มากมากและมีหลายระดับชั้น ส่วนมากจะตกแต่งสถานที่และบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกที่เป็นรัสเซียได้ดี แต่ราคาค่อนข้างสูง  ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่ามีการแสดงให้ชมระหว่างรับประทานอาหารหรือไม่  ราคาต่อหัวโดยเฉลี่ย 20-30 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับอาหารกลางวันและหัวละ 30-60 และ 80-90  ดอลลาร์สหรัฐสำหรับอาหารค่ำที่รวมการแสดงด้วย

            นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารที่ให้บริการอาหารแบบคอเคซัส เช่น อาหารจอร์เจียน  อาหารอาร์เมเนียนและอาหารอัสซูเรียน (อาเซอร์ไบจัน)  ซึ่งมีรสชาติเผ็ดร้อนแบบตะวันออกและเน้นหนักไปที่อาหารประเภทย่าง โดยเฉพาะเนื้อแกะและเนื้อปลาสเตอร์เจียน

            สำหรับท่านที่ขาดอาหารไทยไม่ได้   ที่กรุงมอสโกมีร้านอาหารไทยเปิดให้บริการ 5 แห่ง  รสชาติเมื่อทานแล้วทำให้นึกถึงอาหารไทยที่กรุงเทพฯได้บ้าง ราคาหัวละ 8-15 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับอาหารกลางวันและ หัวละ 20-35 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับอาหารค่ำ

            ปัจจุบันไม่มีร้านอาหารไทยในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและเมืองใหญ่อื่นๆ ของรัสเซีย แต่สามารถหาอาหารเอเชีย โดยเฉพาะ อาหารจีน ได้เกือบทุกแห่งของเมืองใหญ่

 

การเดินทางในเมือง

            การใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน

            การเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน (Metro) เป็นบริการขนส่งมวลชนของรัสเซียสะดวก รวดเร็ว และแน่นอน โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาวะการจราจรในกรุงมอสโกและนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่คับคั่งอย่างมาก   

             รถไฟใต้ดินที่กรุงมอสโกมี 10 สาย กระจายออกจากศูนย์กลางที่วังเครมลินในลักษณะวงกลมโดยมีสถานีขึ้นและลง 163 สถานี ความยาวที้งสิ้น 266 กิโลเมตร และมีสายวงแหวนทำหน้าที่เชื่อมแต่ละสาย ณ สถานีชุม