รัสเซียCountry Profile : Russia |
รัสเซียในระบบสังคมนิยมเป็นประเทศที่มีจุดแข็งด้านการบริการการศึกษาในแบบมวลชนและเข้าถึงรากหญ้าของประชากร โดยรัสเซียได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่มีอัตราผู้รู้หนังสือสูงที่สุดในโลก คือมากกว่าร้อยละ 99 รัฐบาลรัสเซียให้บริการด้านการศึกษาแก่ประชาชนแบบให้เปล่า ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับอุดมศึกษา แม้ในปัจจุบันนี้ ซึ่งได้มีการปฏิรูประบบการศึกษาโดยใช้รูปแบบการบริการแบบประเทศยุโรปตะวันตกและสหรัฐอเมริกา แต่ก็ยังคงระบบการศึกษาแบบสวัสดิการสังคมไว้ โดยยังคงให้บริการการศึกษาแบบให้เปล่าตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมัธยม และระดับฝึกอาชีพสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อย และประชาชนทุพพลภาพ ส่วนในระดับอุดมศึกษาขึ้นไป รัฐบาลดำเนินนโยบายเสรีด้านการศึกษา โดยยกเลิกระบบสวัสดิการแบบให้เปล่าและให้สถาบันอุดมศึกษาบริหารกันเองตามหลักอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งทำให้สถาบันการศึกษามีการแข่งขันกันมากขึ้นเพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนการสอน และส่งผลให้การศึกษาในสาขาที่เป็นจุดแข็งของรัสเซียโดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีอวกาศ โลหะศาสตร์ เคมีภัณฑ์ ศิปศาสตร์ ฯลฯ มีคุณภาพทัดเทียมกับสถาบันการศึกษาในสหรัฐฯ และยุโรปตะวันตก สถาบันการศึกษาในรัสเซีย แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้ 1. สถาบันการศึกษาขั้นสูง (Higher Educational Institutions) ได้แก่ มหาวิทยาลัย (Universitet /University) , สถาบันเฉพาะทางขั้นสูง (Academia /Academy), สถาบันทางเทคนิค (Institut /Institute), มหาวิทยาลัยด้านเทคโนโลยี (Technicheskiy Universitet /Technical University), และ สถาบันดุริยางค์ศิลป์และนาฏศิลป์ (Konservatoria /Conservatory) 2. สถาบันการศึกษาขั้นกลาง ได้แก่ วิทยาลัย (Kolledz /College), วิทยาลัยอาชีวะ (Tekhnikum /Technical College), วิทยาลัยอาชีพเฉพาะทาง (Uchilische /Specialized Institution) 3. สถาบันการศึกษาขั้นต้น ได้แก่ โรงเรียน (School), โรงเรียนมัธยม ( Senior Secondary School) ประกาศนียบัตรและปริญญา
|
||||||||||
โครงสร้างระบบการศึกษาของรัสเซีย 1. การศึกษาขั้นพื้นฐาน (Pre-higher education) เป็นการศึกษาภาคบังคับขั้นต้นที่รัฐจัดให้กับเด็กนักเรียนรัสเซียในโรงเรียนประเภท basic school โดยเด็กชาวรัสเซียจะเข้ารับการศึกษาระดับนี้ตั้งแต่อายุ 6 หรื 7 ปี และสิ้นสุดที่อายุ 15 ปี รวมระยะเวลาที่ศึกษา 9 ปี (grade 1-9) 2. การศึกษาระดับมัธยม (Complete Secondary) เด็กชาวรัสเซียที่สำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมในโรงเรียนประเภท Senior Secondary School โดยใช้เวลาเรียน 2 ปี (grade 10-11) และเมื่อสำเร็จการศึกษาในขั้นนี้จะได้รับประกาศนีบัตรประเภท “Certificate of Secondary Complete General Education” * * * ตามกฎหมายของรัสเซีย รัฐบาลรัสเซียจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการศึกษาภาคบังคับ (grade1-11) สำหรับเด็กรัสเซียทุกคนที่ศึกษาในโรงเรียนของรัฐ (public school) * * * 3. การศึกษาระดับวิชาชีพ (Professional) เด็กชาวรัสเซียที่อายุ 15 ปีขึ้นไปซึ่งสำเร็จการศึกษาขึ้นพื้นฐานแล้วและประสงค์ที่จะเลือกศึกษาด้านวิชาชีพเฉพาะทาง เช่น พยาบาล ทหาร ช่างยนต์ ช่างก่อสร้าง ฯลฯ ในสถาบันประเภท Tekhnikum หรือ College โดยใช้เวลาการศึกษา 4 ปี ระหว่างอายุ 15-19 ปี นักเรียนที่จบการศึกษาขั้นนี้แล้ว สามารถเลือกที่จะทำงานเพื่อหาประสบการณ์ก่อนเข้าศึกษาต่อในระดับสูงต่อไป หรือสามารถเข้าศึกษาเฉพาะทางในมหาวิทยาลัยได้ ทั้งนี้ นักเรียนที่จบการศึกษาระดับนี้และไม่ได้ศึกษาต่อไป จะทำงานในฐานะแรงงานฝีมือ(skilledworker)ในตลาดแรงงาน 4. การศึกษาระดับสูง (Higher Education) นักเรียนชาวรัสเซียที่จบการศึกษาระดับมัธยม หรือระดับวิชาชีพ (ข้อ 2.และ 3. ) สามารถสมัครเข้าเรียนต่อในสถาบันการศึกษาระดับสูงของรัฐหรือเอกชน นักเรียนที่มีผลการศึกษาดีอาจสามารถเข้าศึกษาต่อในสถาบันที่มีชื่อเสียงได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายโดยการแสดงใบประกาศนียบัตรรับรองผลการเรียนต่อสถาบันฯ อย่างไรก็ดี ในสถาบันการศึกษาฯ ทั่วไปจะมีการจำกัดทีนั่ง (quota) ที่จัดสรรให้นักเรียนในกลุ่มต่างๆ ซึ่งนักเรียนทั่วไปที่มีผลการเรียนปานกลาง หรือนักเรียนชาวต่างประเทศ ที่ประสงค์จะเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาระดับสูงของรัสเซีย อาจต้องเข้าสอบ (entrance exam) และเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าศึกษาต่อด้วย ระยะเวลาในการศึกษาในสถาบันการศึกษาระดับสูง - ปริญญาตรี ใช้เวลาทั้งสิ้น 4-5 ปี (ขึ้นกับแต่ละหลักสูตร สำหรับนักศึกษาแพทย์ใช้เวลา 6 ปี) แต่หากนักศึกษาเข้าเรียนได้ประมาณ 2-3 ปี แต่ไม่สำเร็จการศึกษา ก็จะได้รับประกาศนีบัตรการศึกษาขั้นสูง (Incomplete Higher Education Diploma) ด้วย - ปริญญาตรีขั้นสูง (Specialist’s Diploma) ใช้เวลา 1 ปี - ปริญญาโท ใช้เวลาทั้งสิ้น 2 ปี - ปริญญาเอก ใช้เวลาทั้งสิ้น 3 ปี * * * โรงเรียนและสถาบันการศึกษาเกือบทั้งหมดของรัสเซีย สอนเป็นภาษารัสเซีย * * * |
||||||||||
|
||||||||||
|
||||||||||
ไทยและรัสเซียได้ลงนามความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการระหว่างกันเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 2002 ทำให้ผู้ถือหนังสือเดินทางทูตฯ สามารถเดินทางเข้ารัสเซียโดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตราได้เป็นเวลาไม่เกิน 90 วัน เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2005 ไทยและรัสเซียได้ลงนามความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางธรรมดาระหว่างกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายภายในของทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลบังคับใช้ โดยเมื่อแล้วเสร็จ จะทำให้คนไทยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตราเพื่อเดินทางเข้ารัสเซีย โดยสามารถพำนักอยู่ในรัสเซียไม่เกิน 30 วัน อย่างไรก็ดี ในระหว่างนี้คนไทยผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดายังคงต้องขอรับการตรวจลงตราเพื่อเดินทางมารัสเซียอยู่ ระเบียบการตรวจลงตรา (ขอวีซ่า) : โดยปัจจุบันมีวีซ่า 5 ประเภทในการขอเข้าประเทศรัสเซีย ได้แก่ ประเภทธรรมดา (ordinary) ประเภทราชการ (official) ประเภทเดินทางผ่านประเทศ (transit) ประเภทผู้ถือหนังสือเดินทางทูต (diplomatic)และประเภทสำหรับผู้มาพำนักชั่วคราว (temporary residence) วีซ่าประเภทธรรมดา ยังสามารถแบ่งได้เป็นวีซ่านักธุรกิจ (business) วีซ่านักท่องเที่ยว(tourist) วีซ่าทำงาน (work) วีซ่านักเรียน (student) และวีซ่าที่ออกให้ด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรม(humanitarian) วีซ่าท่องเที่ยว แผนกงานกงสุลของสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียออกวีซ่าให้นักท่องเที่ยว ต่อเมื่อเดินทางไปโดยมี voucher ที่ออกให้โดยบริษัทท่องเที่ยวไทยหรือเดินทางไปกับบริษัทท่องเที่ยวไทยซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทท่องเที่ยวรัสเซียที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องกับกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ระยะเวลาที่สามารถพำนักอยู่ในรัสเซียเท่ากับเวลาตามกำหนดการที่บริษัทท่องเที่ยวจัดไว้ วีซ่าธุรกิจ กรณีของนักธุรกิจที่ต้องการวีซ่าธุรกิจในการเข้าประเทศรัสเซีย จะต้องมีหนังสือเชิญจากบริษัทธุรกิจของรัสเซียที่ติดต่อด้วยและต้องเป็นหนังสือเชิญที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (OVIR)ของกระทรวงมหาดไทยรัสเซียแล้ว วีซ่านักธุรกิจมีระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน สามารถขอได้ทั้ง single-entry หรือ double-entry visa บางกรณีอาจขอ multiple-entry visa ได้และสามารถเข้าและออกประเทศรัสเซียได้หลายครั้งในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน วีซ่าทำงาน วีซ่าทำงานจะออกให้เมื่อบุคคลได้รับใบอนุญาตทำงาน (work permit) แล้ว เช่นเดียวกับวีซ่านักเรียนซึ่งต้องได้รับหนังสือตอบรับจากสถานศึกษาก่อน ยกเว้น นักเรียนทุนของรัฐบาลรัสเซีย การลงทะเบียนผู้เดินทางเข้าประเทศรัสเซีย เมื่อเดินทางเข้าประเทศรัสเซียแล้ว จะต้องนำวีซ่าไปจดทะเบียน (registration) ที่ OVIR กระทรวงมหาดไทยภายใน 3 วันนับตั้งแต่ที่เข้าประเทศ ยกเว้นผู้ที่พำนักในรัสเซียไม่เกิน 3 วันและผู้ที่มีอายุไม่เกิน 18 ปี การจดทะเบียนวีซ่าสามารถทำได้ที่โรงแรมที่พำนัก โดยให้มอบหนังสือเดินทางไว้กับ reception ของโรงแรมเมื่อ check in โรงแรมจะดำเนินการจดทะเบียนให้โดยใช้เวลาภายใน 24 ชั่วโมง ในกรณีที่เดินทางมาโดยหนังสือเชิญของบริษัทธุรกิจ บริษัทดังกล่าวจะเป็นผู้จดทะเบียนให้ ในกรณีมาเป็นแขกรับเชิญส่วนตัวและพำนักที่บ้านหรืออพาร์ทเมนต์ของผู้เชิญ ผู้เชิญต้องดำเนินการจดทะเบียนเองที่ OVIR การเดินทางเข้ารัสเซีย : หากจะเดินทางจากประเทศไทยเข้ารัสเซีย มีจุดเดินทางเข้าประเทศหรือที่เรียกว่า Port of Entry 3 แห่ง ได้แก่ กรุงมอสโก (Moscow) นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (St. Petersburg) และเมืองวลาดิวอสต๊อก (Vladivostok) ผู้เดินทางอาจเลือกใช้บริการสายการบินไปยังจุดเข้าประเทศต่างๆ ได้โดยขึ้นอยู่กับจุดหมายปลายทางเป็นสำคัญ กล่าวคือ หากมีธุระกับรัสเซียที่ด้านยุโรป ให้เข้าประเทศทางกรุงมอสโกหรือนครเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก โดยอาจเลือกใช้เส้นทางกรุงเทพ-กรุงมอสโก ซึ่งมีบริการของสายการบินไทยสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน สายการบินทรานส์แอโร สัปดาห์ละ 6 เที่ยวบิน และสายการบินแอโรฟลอตสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบินเพื่อเดินทางเข้ากรุงมอสโกโดยตรง หรือใช้บริการของบริษัทการบินไทย (มหาชน)หรือสายการบินอื่นๆ ที่บินเข้าประเทศในยุโรป เช่น นครแฟรงค์เฟิรต นครมิวนิคหรือกรุงโคเปนเฮเกนและใช้บริการของสายการบินลุฟต์ฮันซ่า(Lufthansa) ของประเทศเยอรมนีสำหรับเส้นทาง แฟรงค์เฟิร์ต-มอสโก หรือ SAS(Scandinavian Airlines) สำหรับเส้นทางโคเปนเฮเกน-มอสโก นอกจากนี้ สามารถใช้บริการของสายการบินแอร์เอมิเรตส์ สายการบินแอร์เติร์กเมนิสถาน และ สายการบินแอโรสวิต เข้ากรุงมอสโกได้ โดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองดูไบ(ยู เอ อี) กรุงอัชกาบัด (ประเทศเติร์กเมนิสถาน) และกรุงคีฟ (ประเทศยูเครน) ตามลำดับ สำหรับท่านที่จะเดินทางเข้านครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กโดยไม่แวะเข้ากรุงมอสโก อาจเลือกใช้บริการของสายการบินฟินแอร์ (Finnish Airlines) เส้นทางกรุงเทพฯ-กรุงเฮลซิงกิ (Helsinki) ของประเทศฟินแลนด์และต่อเครื่องเข้านครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สำหรับท่านที่มีธุระทางด้านเอเชียของรัสเซีย โดยเริ่มตั้งแต่เมืองโนโวซีบีร์สค์ (Novosibirsk) เมืองคราสโนยารสค์ (Krasnoyarsk) เมืองอีร์คุตสค์ (Irkutsk) นครอูลัน-อูเด(Ulan Ude)ของสาธารณรัฐบูเรียเตีย(Buryatia) เมืองคาบารอฟสค์ (Khabarovsk) เมืองนาค๊อดก้า (Nakhodka) เมืองวลาดิวอสต๊อก (Vladivostok) จนถึงเมืองยูชน่า สะขะลิน (Yuzhno Sakhalin) ที่เกาะสะขะลิน ท่านไม่จำเป็นต้องบินเข้ากรุงมอสโกก่อนเพื่อต่อเครื่อง เพราะเป็นเส้นทางที่อ้อม ระยะทางไกลและเสียเวลา ท่านสามารถบินจากกรุงเทพฯ เข้าประเทศรัสเซียที่เมืองวลาดิวอสต๊อกได้เลย และต่อเครื่องบินของสายการบินภายในไปยังจุดหมายปลายทางที่ท่านต้องการได้โดยไม่เสียเวลา การเดินทางไปยังเมืองวลาดิวอสต๊อก สามารถใช้บริการของบริษัทการบินไทยเพื่อเดินทางไปยังกรุงโซล(Seoul) ของเกาหลีก่อน แล้วจึงต่อเครื่องของสายการบินแอร์วลาดิวอสต๊อก(Air Vladivostok) เข้าเมือง วลาดิวอสต๊อกได้โดยไม่เสียเวลาเปลี่ยนเครื่อง เนื่องจากบริษัทการบินไทยทำข้อตกลง code sharing กับสายการบินแอร์วลาดิวอสต๊อกไว้แล้ว สำหรับท่านที่จะเดินทางไปยังประเทศที่เคยเป็นอดีตสาธารณรัฐของสหภาพโซเวียตในอดีต เช่น กรุงเคียฟ (Kiev) ของประเทศยูเครน กรุงทาชเคนต์ (Tashkent) ของประเทศอุซเบกิสถาน และนครอัลมาตี(Almaty) ของประเทศคาซัคสถาน ท่านสามารถขอรับการตรวจลงตราได้ที่แผนกกงสุลของสถานเอกอัครราชทูตของประเทศดังกล่าวที่กรุงเทพฯได้ เมื่อได้รับวีซ่าเข้าประเทศเรียบร้อยแล้ว ท่านสามารถบินตรงจากกรุงเทพฯ เข้าไปยังเมืองดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันนี้ มีสายการบินแห่งชาติของประเทศดังกล่าวให้บริการบินโดยตรงแล้ว เช่น สายการบิน Uzbek Airline บริการเที่ยวบินกรุงเทพ-ทาชเคนท์ สัปดาห์ละ 3 เที่ยวด้วยเครื่องโบอิ้งและแอร์บัส สายการบิน Air Kazakh เข้านครอัลมาตีแต่บินเฉพาะฤดูหนาว และสายการบิน Aerosvit บริการด้วยเครื่องแอร์บัสเพื่อบินจากกรุงเทพฯ เข้ากรุงเคียฟสัปดาห์ละ 1 เที่ยว พิธีตรวจคนเข้าเมืองและด่านศุลกากร : สำหรับผู้เดินทางและนักธุรกิจไทยที่เข้าประเทศรัสเซียที่กรุงมอสโก เครื่องบินของบริษัทการบินไทย สายการบินทรานส์แอโร สายการบินแอร์อิมิเรตส์ และสายการบินแอร์เติร์กเมนิสถาน จะเข้าประเทศที่สนามบินดามาเดี๊ยดดาวา (Domodedovo) ส่วนสายการบินแอโรฟล็อต สายการบินลุฟต์ฮันซ่า และสายการบินสแกนดิเนเวียน จากทางยุโรปจะเข้าที่สนามบินเชเรมีเทียว่า หมายเลข 2 (Sheremetyevo II) ผู้โดยสารจะต้องกรอก (1) แบบฟอร์มการเข้าประเทศ (Migration Card) แนบกับหนังสือเดินทางเพื่อการตรวจที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองในสนามบิน แบบฟอร์มการเข้าประเทศเป็นสลิป 2 ใบ ใบแรกจะต้องมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า และมอบใบที่สองเวลาออกประเทศ (2) แบบฟอร์มสำแดงรายการสิ่งของ(Declaration) เข้าประเทศซึ่งผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจะต้องกรอกรายละเอียดของสิ่งของที่นำติดตัวเข้ามา (โดยมูลค่าสิ่งของต้องไม่เกิน 1000 ดอลลาร์สหรัฐ) ดังนี้ - สิ่งของที่มิได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อการค้า – เหล้าและเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ มีปริมาตรไม่เกิน 2 ลิตร - บุหรี่ ไม่เกิน 400 มวน - กล้องถ่ายภาพยนต์ กล้องวีดีโอ ต้องมีคุณสมบัติการใช้งานเพื่อตอบสนองความต้องการส่วนตัว มิใช่อุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติเพื่อการดำเนินธุรกิจ หรือการถ่ายทำภาพยนตร์เชิงธุรกิจ โดยฝ่ายศุลกากรจะใช้ดุลพินิจจากจำนวนฟิล์มและอุปกรณ์เสริมประกอบ – เงินตราต่างประเทศติดตัวเข้ามาหากมีจำนวนเกิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ - สิ่งของต้องห้าม : อาวุธ ยาเสพติดและสารกระตุ้นชนิดต่างๆ อุปกรณ์การพิมพ์ การบันทึกและการถ่ายภาพที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคง ปัจจุบัน การจัดการด้านบริการที่สนามบินในกรุงมอสโกและนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นมาก เช่น การขนถ่ายกระเป๋าจากเครื่องบินมายังสายพานใช้เวลาเร็วขึ้น มีรถเข็นขนกระเป๋าจากสายพานไว้บริการโดยไม่คิดค่าบริการ แต่ยังมีจำนวนจำกัดและไม่มีที่จอดเป็นกิจลักษณะ มีแผนก Lost and found และมีช่องเขียวสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศที่มีสิ่งของเพื่อการใช้ชีวิตตามปกติ สามารถผ่านพิธีการศุลกากรได้ไม่ต้องสำแดงและไม่ต้องผ่านการตรวจค้น อย่างไรก็ดี เป็นที่สังเกตว่า กระบวนการตรวจคนเข้าเมืองของรัสเซียยังช้าอยู่มาก อาจใช้เวลายืนต่อแถวเพื่อรอการตรวจหนังสือเดินทางเป็นเวลาเฉลี่ยประมาณ 1 ชั่วโมง และอาจมากกว่า หากมีเครื่องบินลงหลายลำพร้อมกัน
|
||||||||||
|
||||||||||
การเดินทางเข้าเมือง : ค่ายานพาหนะจากสนามบินนานาชาติดามาเดี๊ยดดาวา และสนามบินเชเรมีเทียวา เข้าเมืองจะมีราคาแตกต่างบ้างเล็กน้อยขึ้นอยู่กับการเลือกใช้บริการยานพาหนะ หากใช้บริการของ Transfer Service Agencies ที่สนามบินซึ่งให้บริการตามสนามบินทุกแห่งจะมีราคาอยู่ที่ 60-80 ดอลลาร์สหรัฐ แท๊กซี่ที่สนามบิน(ป้ายเหลือง) ราคาต่อรองไม่เกิน 60 ดอลลาร์ นอกจากนี้ นักเดินทางสามารถใช้บริการสั่งจองแท๊กซี่ล่วงได้โดยติดต่อทาง e-mail ที่ และอาจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก website ที่ www.taxi.ru ราคาค่าบริการไม่เกิน 80 ดอลลาร์ ค่าบริการสำหรับรถรับจ้างเอกชนมีราคาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการต่อรอง แต่ไม่ควรเกิน 50- 70 ดอลลาร์สหรัฐ ราคาของบริษัทเช่ารถ 80 ดอลลาร์สหรัฐและรถลิมูซีนของโรงแรมประมาณ 80-100 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ราคาค่ายานพาหนะเข้าเมืองใกล้เคียงหรือต่ำกว่าเล็กน้อยเทียบกับราคาที่กรุงมอสโก ส่วนเมืองใหญ่อื่นๆ ในรัสเซีย อัตราค่าบริการจะต่ำกว่าที่กรุงมอสโกและนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะทางระหว่างสนามบินกับจุดหมายปลายทางเป็นสำคัญ ที่พักอาศัย : ปัจจุบัน โรงแรมและที่พักอาศัยในเมืองใหญ่ของรัสเซียได้รับการปรับปรุงในทางที่ดีขึ้นมาก ทั้งในด้านจำนวนโรงแรมและห้องพัก ความปลอดภัยและระดับการให้บริการ แต่ก็ยังไม่พอเพียงต่อจำนวนนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจที่เดินทางเข้าประเทศรัสเซียจำนวนมากขึ้นในแต่ละปีได้ จึงส่งผลให้ค่าที่พักของโรงแรมในกรุงมอสโกและนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมีอัตราที่สูงมากอย่างผิดปกติเมื่อเทียบกับโรงแรมระดับเดียวกันในประเทศยุโรปอื่นๆ ที่กรุงมอสโก : สำหรับนักเดินทางที่แวะมาต่อเครื่องที่กรุงมอสโกและต้องการพักในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงถึง 1 วัน โดยไม่ประสงค์จะเข้าไปในในเมืองนั้น สามารถพักได้ที่โรงแรมบริเวณสนามบินในกรุงมอสโก ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก : ที่เมืองวลาดิวอสต๊อก : สำหรับท่านที่มีธุรกิจในเมืองอื่นๆของรัสเซีย ปัจจุบันนี้ มีโรงแรมเพิ่มจำนวนมากขึ้นในเมืองใหญ่ต่างๆ แต่ความสะดวกสบายและการบริการยังอยู่ในระดับ 3 ดาวเป็นส่วนใหญ่ อัตราค่าที่พักเฉลี่ยตั้งแต่คืนละ 40 ดอลลาร์สหรัฐและไม่เกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ อาหาร ในปัจจุบันนี้มีร้านอาหารทุกประเภทและทุกสัญชาติของรสชาติเปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก ทั้งอาหารในทวีปเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย มองโกเลีย เลบานอน เวียดนาม เกาหลี จากทวีปยุโรป เช่น ฝรั่งเศส อิตาเลียน เตอร์กีช เยอรมัน และอาหารอเมริกันและเม็กซิกัน ราคาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง ชื่อเสียงของร้าน และความยากในการหาเครื่องปรุง เฉลี่ยราคาหัวละ 20-30 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับอาหารกลางวันและ 30 ดอลลารสหรัฐหรือสูงกว่านั้น สำหรับอาหารค่ำ ท่านที่ปรารถนาที่จะลองอาหารรัสเซีย มีร้านอาหารรัสเซียตั้งอยู่มากมากและมีหลายระดับชั้น ส่วนมากจะตกแต่งสถานที่และบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกที่เป็นรัสเซียได้ดี แต่ราคาค่อนข้างสูง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่ามีการแสดงให้ชมระหว่างรับประทานอาหารหรือไม่ ราคาต่อหัวโดยเฉลี่ย 20-30 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับอาหารกลางวันและหัวละ 30-60 และ 80-90 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับอาหารค่ำที่รวมการแสดงด้วย นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารที่ให้บริการอาหารแบบคอเคซัส เช่น อาหารจอร์เจียน อาหารอาร์เมเนียนและอาหารอัสซูเรียน (อาเซอร์ไบจัน) ซึ่งมีรสชาติเผ็ดร้อนแบบตะวันออกและเน้นหนักไปที่อาหารประเภทย่าง โดยเฉพาะเนื้อแกะและเนื้อปลาสเตอร์เจียน สำหรับท่านที่ขาดอาหารไทยไม่ได้ ที่กรุงมอสโกมีร้านอาหารไทยเปิดให้บริการ 5 แห่ง รสชาติเมื่อทานแล้วทำให้นึกถึงอาหารไทยที่กรุงเทพฯได้บ้าง ราคาหัวละ 8-15 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับอาหารกลางวันและ หัวละ 20-35 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับอาหารค่ำ ปัจจุบันไม่มีร้านอาหารไทยในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและเมืองใหญ่อื่นๆ ของรัสเซีย แต่สามารถหาอาหารเอเชีย โดยเฉพาะ อาหารจีน ได้เกือบทุกแห่งของเมืองใหญ่ |
||||||||||
การเดินทางในเมือง การใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน การเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน (Metro) เป็นบริการขนส่งมวลชนของรัสเซียสะดวก รวดเร็ว และแน่นอน โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาวะการจราจรในกรุงมอสโกและนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่คับคั่งอย่างมาก รถไฟใต้ดินที่กรุงมอสโกมี 10 สาย กระจายออกจากศูนย์กลางที่วังเครมลินในลักษณะวงกลมโดยมีสถานีขึ้นและลง 163 สถานี ความยาวที้งสิ้น 266 กิโลเมตร และมีสายวงแหวนทำหน้าที่เชื่อมแต่ละสาย ณ สถานีชุม |